วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

วสันตวิษุวัติ - ครีษมายัน - ศารทวิษุวัติ - เหมายัน

... แค่อ่านชื่อโพสต์หลายๆคนคงนึกว่าจะรีวิวนิยายของสร้อยดอกหมาก "ครีษมายัน-อมันตรา" หรือเปล่า??? ... เพราะที่บ้านผมก็มีอยู่เล่มนึง ... 555 ไม่ใช่หรอกครับ แต่ที่มาของบทความนี้ก็มาจากชื่อนิยายนี่แหละ ตอนแรกก็สงสัยน่ะว่าแปลว่าอะไร แต่วันนี้ได้โอกาสประจวบเหมาะเนื่องจากวันนี้คือวันวสันตวิษุวัติ หนึ่งใน 4 วันที่เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอย่างนึงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนฤดูการณ์ตามหลักสากล (ครีษมายันคือหนึ่งในนั้นด้วย) ฉะนั้นก็เลยอยากเอาความรู้นี้มาแบ่งปันกันให้เพื่อนๆได้ทราบกันน่ะครับ อย่างน้อยก็จะได้รู้ความหมายของคำศัพท์ไทยยากๆ 4 คำนี้ เผื่อวันหลังจะได้โม้กับเพื่อนได้รู้เรื่องครับ
... รู้หรือไม่ว่าวันนี้ของทุกปี (หรือประมาณ 20 - 21 มีนาคมของทุกปี) คือวันราตรีเสมอภาค จะเป็นวันที่มีกลางวันเท่ากับกลางคืนเป๊ะเลยครับ คือ 12 ชั่วโมงเท่ากันเราเรียกวันนี้ว่าวัน "วสันตวิษุวัต หรือ Vernal Equinox" ในทางดาราศาสตร์หมายถึงวันที่แสงจากดวงอาทิตย์ตกลงบนพื้นโลกเป็นมุมตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรพอดี จึงถือว่าวันนี้เป็นวันแรกของการเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการของฝั่งซีกโลกเหนือครับ ดังนั้นเราจะเห็นคำว่า Spring Equinox ซึ่งก็หมายถึงวันวสันตวิษุวัตเช่นเดียวกัน
... จริงๆแล้วใน 1 ปีจะมีปรากฎการณ์แบบนี้อยู่ 2 ครั้งครับ คือวันวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) ตรงกับวันที่ 20-21 มีนาคม และอีกวันนึงเรียกว่า "ศารทวิษุวัต หรือ Autumnal Equinox" จะตรงกับวันที่ 22 - 23 กันยายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่ดวงอาทิตย์วนกลับมาตั้งฉากกับผิวโลกที่เส้นศุนย์สูตรอีกครั้ง นั่นก็คือวันเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูไบไม้ร่วงนั่นเอง
... ก็ด้วยความที่แกนโลกเอียง แถมโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรีซะอีก ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งวัน แสงจากดวงอาทิตย์ก็จะไม่ตกตั้งฉากในตำแหน่งเดิมครับ คือจะค่อยๆเลื่อนขึ้นไป (เพราะโลกจะค่อยๆเอียงซีกโลกฝั่งเหนือเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ขึ้น) ดังนั้นในซีกโลกฝั่งเหนือนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปก็จะเริ่มมีกลางวันมากกว่ากลางคืนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อากาศก็จะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดไกลที่สุดที่พระอาทิตย์ตั้งฉากกับผิวซีกโลกฝั่งเหนือก็คือที่เส้น Tropical of Cancer หรือ ละติจูดที่ 23.5 องศาเหนือนั่นเอง วันนั้นเราจะเรียกว่า "ครีษมายัน (ครีด-สะ-มา-ยัน) หรือ Summer Solostice" ซึ่งจะตรงกับวันที่ 20 - 21 มิถุนายนของทุกปี หรือเป็นวันเริ่มต้นของฤดูร้อนของซีกโลกเหนือนั่นเอง
... จากนั้นพี่ดวงอาทิตย์จะย้อนกลับครับไปไกลสุดได้แค่นั้น ก็ถอยลงมาเรื่อยๆจนถึงวันศารทวิษุวัติ (เริ่มฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกเหนือแต่เริ่มฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกใต้) จากนั้นก็โลกจะเริ่มเอียงเอาซีกโลกใต้หันหาพระอาทิตย์แล้วครับ ซีกโลกเหนือจะค่อยๆเย็นลง จนกระทั่งแสงจากดวงอาทิตย์ตกตั้งฉากกลับโลกไกลจากซีกโลกเหนือมากที่สุดคือที่เส้น Tropical of Capricorn หรือ ละติจูดที่ 23.5 องศาใต้ วันนั้นซีกโลกฝั่งเหนือจะเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ก็จะประมาณวันที่ 21 - 22 ธันวาคม เราเรียกว่า "วันเหมายัน(เห-มา-ยัน) หรือ Winter Solstice" วันนั้นทางซีกโลกเหนือจะมีกลางคืนนานกว่ากลางวันมากที่สุดประมาณ 13 / 11 ชั่วโมง แต่ในทางซีกโลกใต้ก็จะเป็นวันเข้าสู่หน้าร้อนและวันที่มีกลางวันยาวกว่ากลางคืนมากที่สุดนั่นเอง



.... ดังนั้นจะเห็นได้ว่าประเทศใดที่อยู่ระหว่างเส้นศูนย์สูตรจนถึงเส้นทรอปิคออฟแคนเซอร์ หรือถึงเส้นทรอปิคออฟแคปริคอร์นก็ตาม ก็จะมีโอกาศที่จะร้อนถึงขีดสุดได้เท่าๆกัน หมายถึงทุกที่จะต้องมีวันใดวันหนึ่งที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในระยะทางใกล้เคียงกันได้พอๆกัน (ดวงอาทิย์จะตั้งฉากกับบ้านเราประมาณวันที่ 25 - 26 เมษายน) แต่จะเห็นได้ว่าทำไมบ้านเราถึงร้อนกว่าเค้าน่ะ ก็เป็นเพราะว่าเราอยู่ในช่วงใกล้พระอาทิตย์ตั้งแต่เดือนประมาณมีนาคม ลากยาวไปถึงเดือนสิงหาคมเลยครับ กว่าดวงอาทิตย์จะหนีจากซีกโลกเหนือไปก็โน่นแหละปลายเดือนกันยายน เพราะฉะนั้นแล้วยิ่งเขตต่ำกว่าละติจูด 5 องศาเหนือลงไปปีๆนึงจะได้เจอพระอาทิย์แบบใกล้ชิดนานแค่ไหน อย่าได้คิดเลยครับ 6 เดือนเต็ม แต่ก็เป็นที่โชคดีเพราะเขตเส้นศูนย์สูตรจะมีมรสุมวนไปเวียนมาตลอดกลายเป็นร้อนบวกฝนเป็นเขตร้อนชื้นตลอดเวลาเลยมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ไม่ร้อนไม่หนาว อากศค่อนข้างร้อนสม่ำเสมอตลอดปี ฝนก็ตกเกือบทุกวันนั่นเอง เพราะฉะนั้นโซนที่ซวยก็คือละติจูดประมาณ 5 - 15 องศาเหนือขึ้นไป / 5 - 15 องศาใต้ลงมา ก็จะที่มีอากาศร้อนค่อนข้างนานราว 4- 5 เดือน แถมฝนตกมั่งไม่ตกมั่งเขตนี้ล่ะครับ เมืองร้อนของแท้เลยท่านผู้ชม ...5555 นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมภาคกลาง อีสาน เหนือเวลาหน้าร้อนจะหนักกว่าภาคใต้ หรือยกภาพง่ายๆน่ะว่าเขตนี้มีใครบ้าง เช่น ไทยแลนด์ อินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน ตะวันออกกลาง เขตซาฮาร่าและแอฟริกาเหนือ ตอนใต้ของเม็กซิโก หรือในซีกโลกใต้ที่อยู่ในเขตประมาณนี้ เช่น ภาคเหนือออสเตรเลีย อาฟริกาตอนใต้ เปรู ชิลี ภาคเหนือของอาร์เจนติน่า เป็นต้น

ปล.บางประเทศถือว่าโชคดีคืออยู่ในเขตนี้ก็จริงแต่มีมรสุมมาช่วยชีวิตเลยไม่ร้อนจัดเช่น ฟิลิปปินส์ อเมริกากลาง แคริบเบียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น