ที่มาของบทความในวันนี้มาจากคำบอกเล่าของนักเรียนศิลปะคนหนึ่งได้เล่าเหตุกาณ์ในวันพรีเซนต์รายงานวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะหน้าชั้นเรียนว่า "พี่เชื่อไหมว่า พอผมอธิบายเรื่องเกี่ยวกับไตรภูมิ ปรากฏว่าเพื่อนๆในชั้นที่ไม่ได้เรียนศิลปะไทย นั่งทำหน้าเป็นปลาดุกชนเขื่อนกันเกือบทุกคนเลย !! " ผมก็ได้แต่อึ้งเล็กๆครับ เพราะไม่คิดว่าเด็กเรียนศิลปะส่วนหนึ่ง (ส่วนใหญ่ด้วย)ไม่รู้จักไตรภูมิ ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่จำเป็นมากในการที่จะทำให้สามารถ "เข้าใจได้" ในเรื่องศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะของชาติไทยเราเอง ดังนั้นผมจึงอยากจะเขียนเรื่องราวของไตรภูมิ ในแบบที่คนที่ไม่เคยรู้จักไตรภูมิมาก่อนเลย พออ่านแล้วจะสามารถ "พอเข้าใจได้" จึงกลายมาเป็นที่มาของบทความนี้ครับ
ตอนที่ ๑ อะไรคือไตรภูมิ??
ไตรภูมิที่ว่านั้นหมายถึงวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาที่มีชื่อว่า "ไตรภูมิพระร่วง หรือ ไตรภูมิกถา" ถือได้ว่าเป็นวรรณคดีที่เก่าที่สุดของไทย (ถ้าไม่นับศิลาจารึกหลักที่ 1ของพ่อขุนรามคำแหง) โดยพระมหาธรรมราชาลิไท ทรงนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1888 สำหรับไตรภูมิสำนวนเดิมนี้ไม่ปรากฏว่ามีต้นฉบับเดิมครั้งกรุงสุโขทัยตกทอดหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน ต้นฉบับที่นำมาใช้พิมพ์เผยแพร่ คือ สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นต้นฉบับที่พระมหาช่วย วัดปากน้ำสมุทรปราการ ซึ่งท่านได้ต้นฉบับมาจากจังหวัดเพชรบุรีอีกทีหนึ่ง จึงได้จารเรื่องของ ไตรภูมิ ไว้ในใบลาน 30 ผูก หลังจากนั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพโปรดให้นำออกตีพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรก เรียกชื่อว่า "ไตรภูมิพระร่วง" ต่อมากรมศิลปากร ได้จัดหาผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบชำระปรับปรุงข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนที่ยังมีอยู่ ซึ่งได้ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณคดีพุทธศาสนามาตรวจสอบชำระ โดยให้รักษาของเดิมให้มากที่สุดเมื่อตรวจสอบชำระเสร็จแล้วได้จัดพิมพ์เผยแพร่ในรัชกาลปัจจุบันอีกหลายครั้ง
นอกจากไตรภูมิพระร่วงฉบับพระมหาธรรมราชาลิไทแล้ว ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้า ฯ ให้พระราชาคณะและราชบัณฑิตช่วยกันแต่งเรื่องราวเกี่ยวกับ “ไตรภูมิ” สำนวนใหม่ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2326 เป็นหนังสือจบ 1 แต่ยังไม่สมบูรณ์ ครั้นถึง พ.ศ.2345 โปรดให้พระยาธรรมปรีชา (แก้ว) แต่งต่อจนจบความ เราจะเรียกไตรภูมิสำนวนสมัยรัชกาลที่ 1 ว่า “ไตรภูมิโลกวินิจฉัย” (แต่ให้จำเอาไว้น่ะครับว่าเนื้อหาใน "ไตรภูมิกถา" กับ "ไตรภูมิโลกวินิจฉัย" เกือบจะอยู่กันคนละโลกเลยทีเดียว)
ความสำคัญ “ไตรภูมิ” ในเชิงการการปกครองนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อสังคมไทยตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา เรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์เพราะได้รวบรวมคติความเชื่อทุกแง่ทุกมุมของทุกชั้นชน มาร้อยเรียงเป็นเรื่องให้ผู้อ่านเกิดเกรงกลัวต่อบาป ความเชื่อเรื่องกรรมดีกรรมชั่ว การมุ่งมั่นกระทำคุณความดีต่างๆ ไตรภูมิจึงเป็นทั้งคำสอนประชาชนทั่วไปและคำสรรเสริญคนที่กระทำความดี เป็นกรอบของสังคมให้ประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกทำนองคลองธรรม รวมถึงเป็นแนวคิดสำหรับชนชั้นปกครองให้ตั้งมั่นอยู่ในกรอบแห่งความดีงามด้วย
ส่วนในเชิงศิลปะ ถือได้ว่า “ไตรภูมิ” เป็นแม่แบบหลักทางความคิดสร้างสรรค์ของศิลปะไทยเลยทีเดียว เพราะนอกจากไตรภูมิกถาจะเป็นหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาแล้วนั้น ยังมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโลกศาสตร์ หรือจักรวาลวิทยาทางพระพุทธศาสนา อันได้แก่ศาสตร์ที่เกี่ยวกับกำเนิดโลก จักรวาล มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่ในจักรวาล หรือพูดง่ายๆได้ว่า เป็นความรับรู้ด้านภูมิศาสตร์ (Geography) ศิลปะภูมิทัศน์ (Landscape Art) คติชนวิทยา (Folkloristics) แบบดั้งเดิมของไทยนั่นเอง ดังนั้นงานศิลปะของไทย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศานาไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรมในผนังพระอุโบสถ งานประติมากรรมอันเกี่ยวเนื่องกับศาสนา หรืองานสถาปัตยกรรมเกี่ยวกับวัดวาอารามต่างๆ ล้วนแต่ได้รับอิทธิพลทางความคิดในเรื่องของไตรภูมิทั้งสิ้น
สำหรับใครที่สนใจอยากอ่านไตรภูมิกถา ก็กดเข้าไปอ่านกันได้ครับ ผมแปะ link เอาไว้ให้แล้ว ส่วนวิธีการอ่านเอกสารเก่าหรืองานเขียนทางประวัติศาสตร์แบบพงศาวดารนั้น ว่างๆจะมาเหลาให้ฟังครับเพราะมีวิธีทำความเข้าใจ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมากมายเลยทีเดียวครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น